คึกคัก คึกคัก กับปักกิ่ง 3 วัน 2 คืน เที่ยวไปกินไปนั่งคาเฟ่เรื่อย

ทริป ปักกิ่ง 3 วัน 2 คืน แบบปุปปั๊ปรับโชคเพราะมีแพลนบินไปทำงานที่เมืองอู๋ฮั่น ไหนๆก็ต้องไปจีนแหละ แวะเที่ยวสักที่ก่อนไปทำงานดีกว่า ดังนั้นทริปนี้ “ไปเรื่อยด้วยกัน” ขอมุ่งหน้าพาไปเที่ยวเมืองหลวงของดินแดนมังกรอย่าง ปักกิ่ง ในเวลาสั้นๆ 3 วัน 2 คืน แพลนเที่ยวแบบชิวๆสบายๆ แวะจุดท่องเที่ยวสำคัญ (ป.ล. ไม่มีกำแพงเมืองจีนในสถานที่ท่องเที่ยวเรานะ เราขอเปิดเผยความลับก่อนเลย) เหนื่อยก็มุ่งหน้าเข้าคาเฟ่เรื่อยๆ เฮ้ย มันดีและสนุกกว่าที่คิดนะ

เราเคยไปลงเรียนคอร์สภาษาจีนที่ปักกิ่งเมื่อสิบปีก่อน และไปเที่ยวจีนอีกหลายทีตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ไม่เคยเลยที่จะได้กลับไปปักกิ่ง พอคราวนี้สรุปตัดสินใจจะไปเมืองนี้อีก ก็รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกันที่จะได้ย้อนกลับไปที่นี่อีกครั้ง บางคนอาจจะไม่ค่อยพิศมัยเมืองจีนนัก และแน่ละปัญหาเรื่องภาษาก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่นักท่องเที่ยวบางคนอาจจะไม่ค่อยอยากไป
แต่สำหรับเรา เมืองจีนคือประเทศสีสันโดยเฉพาะของทวีปเอเชียเลยน้า ความหลากหลายของวัฒนธรรมยุโรปที่พยายามแทรกตัวเข้ามาเองและที่รัฐบาลจีนเอาความศิวิไลย์เข้ามาเอง ผสมกับความเป็นเอกลักษณ์จีนที่ยังไงก็ปิดไม่มิด มันก็เป็นเสน่ห์ของจีนแผ่นดินใหญ่ที่เอาความเก่ามาคอนทราสกับความนำสมัยเหมือนกันนะ
เรามองว่าเป็นความสนุกของการเดินทางที่จะไม่พบไม่เจอที่บ้านเมืองอื่นแน่ๆ เที่ยวจีน เราว่าเที่ยวได้ไม่ยาก และเมืองจีนมีอะไรดีๆอีกเยอะที่เรายังอยากกลับไปค้นหา ว่าแล้วไปเที่ยวกันดีกว่า อยากรู้ปักกิ่งวันวานกับวันนี้จะเติบโตไปขนาดไหนแล้ว ไปกันค่ะ
Itinerary plan

Budget
VISA
เราใช้ agency ช่วยขอวีซ่าท่องเที่ยวจีนให้ เราเลือกวีซ่าท่องเที่ยว เข้า 1 เที่ยว ราคาทั้งหมดรวมทั้งรูปถ่าย 2,xxx บาทค่ะ สะดวกมาก แค่ส่งพาสปอร์ต รูปถ่าย และกรอกข้อมูลการเดินทาง แล้วส่งเอกสารไปกับบริษัท รอ 4 วันทำการก็ได้วีซ่าและพาสปอร์ตแล้วค่ะ สะดวกและประหยัดเวลาในการเดินทางไปขอวีซ่าเองมากๆ ส่วนบริษัทไหน หลังไมค์กันมาได้นะคะ เดี๋ยวเราบอกให้ (แต่ไม่ได้ส่วนลดใดๆนะ เราแนะนำได้เฉยๆค่ะ)
Transportation
แน่นอนว่า ทริปนี้ไม่ได้ขับรถจ้ะ ทั้งปักกิ่งเราใช้บริการรถtaxi จากแอป didi (คล้ายๆ grab บ้านเรา) และเดินเท้า แต่จริงๆแล้วเพื่อนๆสามารถใช้บริการรถใต้ดินกันได้นะ เพราะรถใต้ดินที่นี่ถึงแทบทุกพื้นที่เลย แล้วเดินเท้าต่อเอาหน่อย ส่วนพวกเราเลือก taxi เพราะทริปนี้ขี้เกียจค่ะ 555 จบเนอะ
Accommodation

ทริปนี้เราใช้บริการพักโรงแรม สองแห่งสำหรับสองคืน คืนแรกพวกเราเลือกพักแถว Qianmen ใกล้ๆจตุรัสเทียนอันเมินกัน เพราะกะว่าจะเที่ยวแถวนี้ ส่วนอีกคืนไปพักโรงแรมแถว sanlitun กันค่ะ ซึ่งได้รับ ranking ว่าเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในเมืองปักกิ่งเลยนะ เราชอบมากเลย ทำไมนะหรอ? เดี๋ยวมาติดตามกันคะ
Money exchange
มีหลากหลายทางเลือกให้เพื่อนๆเลือกเลยค่ะ
1. ใช้ app alipay และ wechat คือสะดวกที่สุด และมั่นใจว่าทุกร้านรับแน่นอน
2. บัตรเดบิต/เครดิต/Travel card ให้ชัวร์ๆบัตรต้องมีสัญลักษณ์ unionpay รับทุกร้าน ขนาดแค่ visa/master card บางร้านยังไม่รับเลย
3.เงินสด เราแลกไปแบบหลักพันบาท กับร้านแลกเงินสีส้ม (เรทตอนเดือน7/2019 1Yuan = 4.49THB ค่ะ) เพราะคิดว่าจะใช้จาก alipay
Day 01 : (Tianan’men – Forbidden City – Qianmen)
ไฟลท์เรามาถึงกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศจีน ตั้งแต่ 7 โมงเช้าเลย เรานั่ง airport express (Y25 ต่อคน) 20 นาทีเข้าเมืองมาลงที่สถานที่ Dongzhimen แล้วใช้ didi เรียกรถไปโรงแรมแถว Qianmen ใกล้ๆTianan’men กันก่อนเพราะพวกเราจะเอาสัมภาระไปฝากไว้ที่โรงแรม แล้วหาข้าวเช้าแบบจัดหนักกันก่อนไปเที่ยวค่ะ

Airport express เชื่อมต่อระหว่าง terminal 2 และ terminal3 และ เข้าตัวเมืองปักกิ่ง โดยจะจอด 2 สถานีคือ Sanyuanqiao หรือ Dongzhimen
Deyuan Roast Duck (德缘烤鸭店)

ร้านอาหารจีนที่ได้รับการโหวตว่าเป็นร้านที่มีชื่อเสียงเรื่อง “เป็ดปักกิ่ง” คนท้องถิ่นชอบมากินร้านนี้ เราเลยมาลองกันก่อนเลย มื้อแรกของทริป มาปักกิ่งก็ต้องกินเป็ดปักกิ่งสิ…ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
มื้อนี้เราสั่งเป็ดปักกิ่งเต็มตัว 1 และน้ำซุปมะเขือเทศไข่เอาไว้ซดล้างความมันจากเป็ดกันสักหน่อย จริงๆอยากสักเมนูอื่นด้วยนะ แต่กลัวจะกินไม่หมด เป็ดก็มาทั้งตัวแล้ว

เป็ดปักกิ่งที่นี่จะต่างจากเมืองไทยคือ นอกจากจะกินหนังแล้ว ยังมีส่วนของหนังติดเนื้อ และเนื้อล้วน แยกมาต่างหากด้วย


มองไปรอบๆมีแต่คนท้องถิ่นมาร้านนี้ทั้งนั้นเลย
📍 : 57 Dashilar Xi Dajie Xicheng district
⏰ : 10.00am-2.00pm, 4.30-9.00pm ทุกวัน
Soloist Coffee Co.
กินอาหารคารเสร็จ ขอกาแฟสักแก้วแถวนี้ก่อนจะไปตะลุยเมืองปักกิ่งกันนะคะ เราแวะไปที่ร้านกาแฟ Soloist Coffee Co.

ร้านกาแฟย่าน Hutong บ้านจีนเก่าคลาสิคที่เงียบสงบและเต็มไปด้วยร้านค้าพวกสตูดิโอศิลปิน





📍 : Yangmeizhu Byway, Xicheng Qu, Beijing
⏰ : 11:30am-8.00pm
💻 : https://soloistcoffee.com/
Tia’nanmen Square (天安门)
ถ้าพูดถึงเมืองปักกิ่งทุกคนจะนึกถึง “จตุรัสเทียนอันเมิน” ในหัวอย่างแน่นอน เพราะจตุรัสนี้เปรียบเสมือนสัญลักษณ์และสถานที่รวมประวัติศาสตร์ตลอดหลายช่วงอายุที่ผ่านมาของเมืองปักกิ่งเลยทีเดียว


ระหว่างเดินเล่นที่จตุรัสนี้ เราจะเห็นคนจีนมาเที่ยวที่นี่เยอะมาก ไม่ใช่แค่ต่างชาติอย่างเราเท่านั้นนะ




จตุรัสเทียนอันเมินเป็นจุดศูนย์กลางล้อมรอบด้วยสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น พระราชวังต้องห้าม หอรำลึกประธานเหมา อนุสาวรีย์วีรชนใจกลางจัตุรัส มหาศาลาประชาคม และพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ชาติจีน
📍 : Dongcheng, Beijing
Forbidden City (紫禁城)
และอีกหนึ่งสถานที่สำคัญที่มาเมืองปักกิ่งแล้วทุกคนจะต้องมา เป็นีท่ไหนไม่ได้นอกจาก “พระราชวังต้องห้าม หรือหรือพระราชวังกู้กง” แห่งนี้นั้นเอง

เราข้ามจากจตุรัสเทียนอันเมิน ไปที่พระราชวังกู้กงกันค่ะ ทางเข้าประตูเทียนอันเมิน (ทิศเหนือ)

รูปท่านประธานเหมาติดอยู่เด่นเป็นสง่า

ตั๋วเข้าชมพระราชวังสามารถซื้อบัตรเข้าชมจาก wechat ใช้สแกน QR code ด้านหน้ากันได้เลย ส่วนใครที่สแกนแล้วไม่ผ่าน ไม่มีเนท สามารถซื้อตั๋วกับพนักงานที่เคาเตอร์ขวามือได้ค่ะ


สะพานหินอ่อนภายในพระราชวัง ที่แกะสลักลวดลายสวยงาม

พระราชวังนี้มีขนาดใหญ่ถึง 450 ไร่และ UNSECO ประกาศให้เป็น หนึ่งในมรดกโลก “the largest collection of preserved ancient wooden structures in the world.”
ด้านหลังของพระราชวังกู้กงจะมีทางออก มองไปเห็น Jinshan Park สวนจิ่งซาน อยู่ตรงข้ามกับพระราชวังต้องห้าม เป็นจุดชมวิวมุมสูงที่จะมองเห็นผังของพระราชวังอย่างชัดเจน

📍 : 4 Jingshan Front St, Dongcheng Qu, Beijing
⏰ : 8:30am-4:30pm/5.00pm
🎟 : ค่าเข้าชมพระราชวังอยู่ที่ Y60 ต่อคน
💻 : https://gugong.ktmtech.cn/
Qianmen
พอเที่ยวพระราชวังกู้กงเสร็จ เราแวะมาเดินเล่นกันที่สวนหย่อม Changxiang alley แถวๆโรงแรมกัน อันนี้เป็นสิ่งที่พวกเราไม่ได้แพลนไว้ในทริปเลยนะ พอดีนั่งรถผ่านตอนขามาแล้ว เฮ้ยมันดูเงียบสงบ และบรรยากาศดีมาก เลยแวะมากัน


ไม่น่าเชื่อว่าปักกิ่งจะมีพื้นที่สีเขียวอยู่ใจกลางเมืองด้วย แถมยังอยู่ในสภาพที่ดี และร่มรื่นมากค่ะ



แวะร้านจิบชา แก้กระหายหน่อย กับร้านที่สุ่มๆเจอปากทางเข้าสวนกันค่ะ เราสั่ง creme brulee oreo cheese milk tea กับ cheese Oolong tea
The Emperor, Qianmen
วันที่เราไปอากาศแปรปรวนมากๆ แดดร้อน และฝนตก สลับไปมา หลังจากเดินเล่นสวนกันเสร็จพวกเราเลยตัดสินใจกลับไปนอนพักที่โรงแรม รอกินข้าวเย็นกันทีเดียวดีกว่า มาดูโรงแรมคืนแรกของเรากันค่ะ

โรงแรมสไตล์โมเดิร์น ห้องมีพื้นที่ใหญ่ แยกสัดส่วนห้องน้ำและห้องนอนเอาไว้


ที่โรงแรมมี rooftop bar และสระว่ายน้ำด้านบน สามารถมองเห็นจตุรัสเทียนอันเมินได้ด้วย
📍 : 87 Xianyukou St, Dongcheng Qu, Beijing
🎟 : ราคาต่อคืนอยู่ที 3,xxx THB
💻 : http://www.theemperorbeijing.cn/
บรรยากาศถนน Qianmen มีร้านค้าและพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวมาเดินเล่น ซื้อของ รวมทั้งร้านอาหารด้วย
Lost Heaven
มื้อเย็นวันนี้ เราจะไปลองอาหารจีนยูนานกันที่ร้าน Lost Heaven อยู่ไม่ไกลจากย่าน Qianmen กันค่ะ

อาหารยูนานคล้ายๆอาหารเหนือของบ้านเราเหมือนกันนะคะ

ออเดิรฟ์กินเล่น ปอเปี๊ยไส้ผักค่ะ


ซุปไก่ตุ๋น อันนี้ซดคล่องคออีกแล้ว


📍 : Dongcheng, Beijing
Day 02 : (Tiantan – Wudadao Hutong – Lama Temple – Bell and Drum Tower – Nanluoguxiang )
Tian Tan (天坛)
เช้าวันที่สองเรามาเที่ยวที่ “หอเทียนถาน (หอสักการะฟ้า)” กันค่ะ เราออกกันแต่เช้าเลยเพราะกลัวคนเยอะ วันนี้วันเสาร์ซะด้วย

หอสักการะฟ้าถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 ปัจจุบันถือเป็นมรดกโลก จุดประสงค์ของหอเทียนถานนี้เพื่อเป็นสถานที่ติดต่อระหว่างฮ่องเต้สมัยราชวงศ์หมิงและชิง (โอรสสวรรค์) กับฟ้าดิน ในการขอพรให้เกิดความอุดมสมบูรณ์แก่บ้านเมือง
ที่ Tian Tan เป็นสวนสาธารณะด้วยนะ เราจะเห็นคนมาออกกำลังกายเดินเล่นเยอะมาก ทั้งๆที่เช้าขนาดนี้

ค่าเข้าสวนสาธารณะอยู่ที่ Y15 ส่วนค่าเข้าหอสักการะฟ้าและ echo wall และ อีก Y20 ค่ะ

ตึกสีส้มทรงแปดเหลี่ยมตั้งอยู่บนฐานสามชั้น เด่นเป็นสง่าเมื่อก้าวเข้าไปในประตูหอสักการะฟ้าแห่งนี้

หอสักการะฟ้าเทียนถาน (天坛) หรืออาจจะเรียกกันว่า Temple of Heaven
ฐานสามชั้นล้อมรอบตัวอาคารสักการะ เป็นหินอ่อนแกะสลักลายสวยงามมาก
นอกจากตัวตำหนักใหญ่สามชั้น(Hall Prayer for Good Harvests) แล้ว ยังมีสถานที่สำคัญเรียกว่า Altar to Heaven ที่คนจีนเชื่อกันว่าต้องมายืนขอพร ณ จุดตรงกลางจะสมหวังทุกสิ่ง

📍 : 1 Tiantan E Rd, Dongcheng Qu, Beijing
⏱ : สวนเปิดตั้งแต่ 6.00/6.30am – 9,00pm ส่วนหอสักการะ 8.00am – 5.00pm
🎟: ค่าเข้าสวน 15 Yuan ค่าเข้าหอสักการะ 20 Yuan
💻 : http://www.tiantanpark.com/
Wudadao Hutong
เราแวะมากินกาแฟกันที่ร้าน metal hand ที่อยู่ที่ Wudadao Hutong กันก่อนเช้านี้ เพิ่มพลังงานก่อนไปลุยต่อ


ร้านจะมี เครื่อง coffee กับ non-coffee และเบเกอรี่บริการ





Hutong เป็นคำเรียกแหล่งรวมย่านบ้านเก่าที่มีสถาปัตยกรรมแบบจีนคลาสคิกอยู่ ที่นี่จะอนุรักษ์เอาไว้ บางหลังจะเปิดเป็นร้านอาหารหรือ ร้านกาแฟด้วย


เบเกอรี่จะแบบ special of the day วันนี้เป็น chocolate green tea cake ที่ไส้ข้างในเป็นถั่วแดง ไม่หวานนะ กินกับกาแฟกำลังดีเลย
📍 : 61 Wudaoying Hutong, Dongcheng district, Beijing
⏱ : 10.00am – 9,00pm
Lama/Yonghe Temple (雍和宫)
มาจีนอีกหนึ่งสถานที่ที่เราจะไม่พลาดคือ “วัดลามะ หรือ วัดหยงเห่อ” เป็นสถานที่ของความศรัทธาทางพระพุทธศาสนานิกายธิเบตค่ะ
“วัดลามะ หรือ วัดหยงเห่อ” เป็นวัดที่มีวัฒนธรรมหลากหลายผสมกันทั้ง จีนฮั่น มองโกล แมนจู และทิเบต ที่ได้รับความศรัทธาจากชาวจีนอย่างมากมาย

บรรยากาศภายในวัดจะเห็นถึงความศรัทธาของคนที่มากราบไว้ แตกต่างจากสถานท่องเที่ยวอื่นๆในปักกิ่ง วัดลามะถือเป็นทั้งวัดสำคัญแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญของเมืองปักกิ่งเลยค่ะ


ความเชื่อที่จีนคือ เราต้องหมุนกงล้อสวดมนต์ (Prayer Wheel) วนตามเข็มนาฬิกาแล้วจะส่งให้ผู้สวดขึ้นสวรรค์



พระพุทธรูปพระศรีอริยเมตไตรยในวิหารว่านฟู้เก๋อเป็นแบบทิเบต แกะสลักจากไม้หอมเพียงต้นเดียว

📍 : 12 Yonghegong St, Dongcheng Qu, Beijing
⏱ : 9.00am – 5.00pm
Zhangmama (张妈妈)
เที่ยงแล้ว เราหาอะไรกินให้หนักท้องกันที่ร้าน “Zhangmama” อาหารจีนแบบเสฉวน แซ่บๆหม่าล่ากันค่ะ

ร้านนี้คนเยอะมาก เยอะตลอดเวลาที่เรานั่งกินเลย เราสังเกตุว่ามีแต่คนจีนเข้ามาร้านนี้ ยืนรอคิวไม่ขาดสายเลย
และร้านนี้มีความยากนิดหนึ่งในการสั่งอาหาร เพราะว่าที่นี่รับสั่งอาหารมือถือเท่านั้น โดยเราจะสแกน QR code บนโต๊ะเรากัน และยังไม่พอเมนูที่สั่งเป็นภาษจีนหมดเลยค่ะ แต่เรามีตัวช่วยค่ะ โดยขอให้คนข้างโต๊ะช่วยค่ะ เท่านี้เราก็ได้กินอาหารเที่ยงเราแล้ว (ไม่เคยยอมแพ้เรื่องกินเลยจริงๆ)

กุ้งผัดหม่าล่าแบบเสฉวน (เราคิดชื่อเมนูเอง) ไม่รู้ชื่อจริงๆคืออะไร แหะๆๆ แต่คือดีนะ อร่อยมาก หัวหอม เครื่องผัก หัวมันในชามนี้ รสชาติดีหมดเลย

เนื้อไก่ผัดพริกหยวก อันนี้ก็ดีมีความแซ่บและกลิ่นพริกหยวก กินกับข้าวผัดไข่ อร่อยลืม

เมนูสุดท้าย ซุปเต้าหู้และปลาในน้ำหม่าล่า อันนี้ไม่ชอบใจเท่าไหร่เพราะปลาก้างเยอะ (ความเยอะส่วนตัว) แต่ตัวซุปก็อร่อยนะสไตล์จีนหม่าล่าค่ะ
📍 : 6 Jiaodaokou South Street, Dongcheng District
⏱ : 11.00am -10.30pm
Bell and Drum Tower
Bell and Drum Tower ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของพระราชวังกู้กง

เดิมอดีตเมืองปักกิ่งจะใช้การแจ้งเตือนหรือบอกเวลาจากการ ตีระฆัง และกลองจากที่นี่เพื่อบอกชาวเมืองให้รับรู้เวลาย้ำรุ่งเช้าและพลบค่ำ เราสามารถซื้อตั๋วเราไปชมภายใน bell and drum tower กันได้ด้วยนะคะ แต่วันนี้เราขอบาย เดินเล่นอยู่ด้านนอกกันดีกว่าค่ะ

📍 : 12 Yonghegong St, Dongcheng Qu, Beijing
⏱ : 9.00am – 5.00pm
Nanluoguxiang
และระหว่างทางที่เรามาที่ Bell and Drum Tower เราผ่านถนน Nanluoxiang เห็นวัยรุ่นมาเดินเยอะมากกกก เลยสนใจมาเดินเล่นแถวนี้บ้าง กลายเป็นดีแบบไม่คาดคิดเลย เพราะ Nanluoxiang เป็นเหมือนถนนคนเดินสำหรับคนท้องถิ่น
บรรยากาศ Nanluoxiang ยังมีกลิ่นไอวัฒนธรรมจีน แต่ไม่ได้เก่าขนาดคร่ำครึผุพังหรอกนะ อาจจะเป็นเพราะที่นี่มีการอนุรักษ์เอาไว้ให้คงความเป็นเอกลักษณ์และพัฒนาให้เป็นถนนคนเดินที่สะอาดด้วย

ส่วนอันนี้ durian cheese cake เห็นวัยรุ่นจีนต่อแถวยาวมาก เราเลยไม่พลาดที่จะลอง
ก้อนใหญ่มาก สนนราคาที่ Y37 คนชอบทุเรียนแบบนิ่มๆน่าจะชอบนะ
The opposite House, Sanlitun
คืนที่สองเราพักกันที่ “The opposite house” โรงแรมใจกลางย่านชอปปิ้งทันสมัยของเมืองปักกิ่ง มาดูค่ะ คืนนี้จะดียังไง

The opposite house ออกแบบโดยสถาปนิกชาวญี่ปุ่น ไม่แปลกใจเลยที่จะเห็นการผสมความเป็นโมเดิร์นกับความเรียบน้อยได้อย่างลงตัวมากๆ แถมที่โรงแรมพนักงานยังมี service mind ดีให้บริการช่วยเหลือทุกอย่างเลย เลิศค่า





ในส่วนของห้องน้ำ จะเป็นไม้เกือบหมดเลย ไม่ว่าจะอ่าบอาบน้ำไม้ (American oak) เคาเตอร์ล้างหน้า หรือประตูห้องอาบน้ำ และห้องน้ำ ที่แยกออกมาเป็นสัดเป็นส่วนแบบนี้



ที่โรงแรมมี gym และ pool แบบ stainless steel อยู่ชั้นล่างให้ใช้บริการด้วยนะ
📍 : Building 1 No 11 Sanlitun Road Chaoyang, Sanlitun Road, Beijing
🎟 : ราคาต่อคืนอยู่ที 6,xxx THB
💻 : https://www.theoppositehouse.com/en/default
Shengyongxing, Sanlitun
มื้อเย็นวันนี้เราก็จะไม่พลาดเลือกร้านดังขึ้นชื่อเรื่อง “เป็ดปักกิ่ง” กันอีกหนึ่งมื้อ คราวที่แล้วไปลองแบบคนท้องถิ่นกันมาแล้ว คราวนี้จะมาลองแบบมีชื่อละเลียดกินทีละนิดกันกับร้าน “Shengyongxing” ค่ะ

เมื่อมาถึงกรุงปักกิ่ง พวกเราเลยจะไม่พลาดไปลองเมนูประจำชาติอย่าง “เป็ดปักกิ่ง หรือ (Peking duck)” กันที่ร้าน “Shengyongxing” สาขา Sanlitun ร้านนี้จะเป็นอาหารแบบ fine dinning หน่อยๆ มีความพิถีพิถันในการบรรจงปรุงและตกแต่งอาหารและรสชาติคือดีเลิศมาก

เมนุที่สั่งวันนี้จะมีออเดิร์ฟที่เป็น avocado and crab meat salad
เมนู signature ที่มาร้านนี้ต้องสั่ง คือ signature roast duck ซึ่งเราสามารถสั่งเป็นทั้งตัวหรือ per person ได้ค่ะ อันนี้เราเลือกเป็น per person นะคะ

ความพิเศษของเป็ดปักกิ่งที่เป็นดัง signature ของร้านที่นี่ คือ เป็ดที่นี่จะใช้อุณหภูมิในการทำสูงกว่าที่อื่น ผลทำให้หนังจะกรอบและมันน้อยกว่า
highlight นอกจากจะอยู่ที่รสชาติความกรอบและอร่อยของเป็ดแล้ว กรรมวิธีในการแล่ของเชฟก็พิถีพิถันมากเหมือนกัน เพราะ เป็ดหนึ่งตัวจะต้องแล่เฉพาะหนังกรอบก่อน แล้วต่อด้วยชิ้นบางติดทั้งเนื้อและหนัง และชิ้นเนื้อล้วน
อีกหนึ่งเมนู signature ที่มาร้านนี้ต้องสั่ง คือ roast duck with caviar เป็นส่วนของหนังเป็ดที่กรอบ ทอปปิ้งด้วยไข่ caviar แปลกดีแต่เข้ากันมาก อร่อยจนอยากกินอีกเลย

ต่อมาก็จะเป็นซุปเยื่อไผ่


Golden fried rice ข้าวผัดไข่ใส่เครื่องทั้งกุ้ง แฮม และผัก จานนี้เราสั่งแค่สำหรับ 1 คนค่ะ
จบวันแบบอิ่มท้อง เราชอบร้านนี้มากนอกจากอาหารที่อร่อย แบบอร่อยไม่ได้รุ้สึกอิ่มอืด การบริการของพนักงานที่ดี ใส่ใจ ระวังทุกก้าวเดิน ถ้าลูกค้าลุกจากโต๊ะแทบจะประคองถามไถ่จะไปไหนทุกครั้งเลย ประทับใจค่ะ

📍 : Chaoyang, Wenxueguan Rd, Beijing
⏱ : 11.00am -10.30pm
Day 03 : (Yiheyuan – Sanlitun)
Yiheyuan (颐和园)

“อวี้เหอหยวน” มีความหมายว่า อุทยานเพื่อพลานามัยที่สมดุล ตั้งชื่อนี้โดยพระนางซูสีไทเฮา
ทะเลสาบคุนหมิงแห่งนี้ จำลองมากจากคุงหมิง มลฑลยูนาน โดยพระนางซูสีไทเฮาสั่งให้คนขุดทั้งหมด
พระราชวังแห่งนี้ประกอบไปด้วยส่วนของพระตำหนัก สวน วิหาร และ ทะเลสาบคุนหมิง ซึ่งเป็นทะเลสาบคนสร้างขุดขึ้นมาภายในพื้นที่ของพระราชวังแห่งนี้


long corridor ทางเดินเรียบทะเลสาบคุนหมิงที่มีความยาวกว่า 728 เมตรทอดยาวจากทางเข้าตะวันออกไปถึงเรือหินอ่อนในทะเลสาบคุนหมิง

วิหารฝอเซียง ที่ประทับของเจ้าแม่กวนอิมบนเจดีย์3 ชั้น อยู่บนจุดสูงสุดของภูเขาว่านโซวซ่าน เราสามารถมองเห็นวิวทะเลสาบจากมุมสูงนี้ได้ด้วย



The West Causeway ร่มรื่นมาก และจำนวนนักท่องเที่ยวและคนจีนก็น้อยมากด้วย




เราชอบ “พระราชวังฤดูร้อน หรือ อี๋เหอหยวน” ในส่วนของThe West Causeway (西堤) มาก เพราะมันคือส่วนของสวนที่ใหญ่ ร่มรื่น และแน่นอนไม่แออัดเลย เดินเล่น เหนื่อยก็พัก เดินจนลืมเวลาไปเลยละ
📍 : .23, Gongmen Qianjie,Haidian District,Beijing
⏱ : ทางเข้า 06:30am – 6:00pm หรือ 7.00am – 5.00pm สถานที่จุดท่องเที่ยว 8.30am – 5.00pm หรือ 09:00am to 4:00pm.
🎟: Yuan 30
💻 : http://www.summerpalace-china.com/en/
Sanlitun
แหล่งวัยรุ่นต้องมาเดินกันของปักกิ่ง ด้วยลักษณะของสถาฟัตยกรรมของย่านนี้ที่ถูกออกแบบให้ดูร่วมสมัย และโดดเด่น เป็นแหล่งแฟชั่นสำหรับนักชอปตัวยงเลย

มีร้านคาเฟ่ให้เลือกมากมาย รวมทั้งร้าน HEY TEA ร้านนี้ คนต่อคิวเยอะมาก สั่งได้แล้ว แต่กว่าจะได้กินอีก 1 ชั่วโมงยาวๆไปเลย เดินเล่นรอกันก่อนนะ

อีกร้านหนึ่งคือร้าน LE LE TEA อันนี้คนก็ล้นร้านมากๆ เป็นร้านขายชา และน้ำผลไม้ที่มีทีเด็ดเป็นน้ำผลไม้ และท๊อปปิ้งด้วยชีสด้านบน นอกจากนี้ร้านนี้ยังขายขนมปังอบอีกด้วย น่ากินมากๆ

Arabica ร้านกาแฟแบบ truck cafe ที่อยู่ด้านหลังโรงแรม the opposite house





ส่วนคาเฟ่นั่งพักนั่งชิวอีกร้านคือ Moleskin cafe มีสาขาที่ geneva และ Milan ด้วยนะ ภายในร้านจะส่วนที่ขาย stationary กันด้วย








Kiss tiramisu เหมาะมากสำหรับคนรักขนมหวาน
GoAroundwithYo :
จบทริป คึกคัก คึกคัก กับปักกิ่ง 3 วัน 2 คืน เที่ยวไปกินไปนั่งคาเฟ่เรื่อย ทำให้เรารู้ว่าปักกิ่งในวันนี้เติบโตจากวันวานไปมากเลย มีอะไรใหม่ๆให้น่าค้นหามาท่องเที่ยวตลอดเวลา แต่ก็ยังคงกลิ่นไอของความเป็นเอกลักษณ์วัฒนธรรมจีนไว้เหมือนเดิม เราอยากลองชวนเพื่อนๆวันหยุดไม่กี่วันก็มาเที่ยวปักกิ่งกันนะคะ
0 comments on “Beijing Story”