ถ้าคิดถึง “แอฟริกาใต้” แว๊บแรกในหัว เพื่อนๆคิดถึงอะไรกัน?
“แอฟริกาใต้” นั้นเป็นชื่อประเทศที่ไม่ใช่ทวีปนะจ๊ะ ประเทศที่อยู่ในทวีปแอฟริกา-แหล่งต้นกำเนิดของมนุษย์สปีชีย์ Homo sapiens อย่างเราๆ (บรรพบุรุษเราเดินทางมาไกลเหลือเกิน) ประเทศที่อยู่ในความทรงจำตั้งแต่วัยเยาว์กับภาพยนตร์เรื่องดัง “Lion King” (ฮาคูนา มาทาท่า ซิมบ้าาาาาา) ประเทศที่เคยเป็นเจ้าภาพ FIFA World Cup 2010 กับบทเพลง “Waka Waka (This time for Africa)” ประเทศที่ฟรีวีซ่าท่องเที่ยวให้คนไทยเป็นเวลาไม่เกิน30วัน ประเทศที่มีซาฟารีเป็นดั่งสวนหลังบ้านและพบสัตว์ป่าเดินเล่นเป็นเรื่องธรรมดา ประเทศที่นกเพนกวินและแมวน้ำเดินขวักไขว่เซย์ไฮกับเรา และเป็นประเทศของการต่อสู้เพื่อความทัดเทียมในเชื้อชาติและอิสรภาพของมหาบุรุษบุคคลคนสำคัญอย่าง Nelson Mandela

ทริปนี้เป็น 1 ใน bucket list ของพวกเรามานานแสนนาน จนกระทั่งเมื่อสิ้นปี 2018 มีโปรสายฟ้าแลบจากสายการบินสนนราคาไปกลับ 26,xxx บาท (ตั๋วภายในประเทศอีกประมาณ 2,xxx บาท) พวกเราก็จัดการจองพร้อมเดินทางออกเดินทางตั้งแต่ต้นปี 2019 นั่งแพลนทริปเที่ยวเองไปเองร่วมครึ่งปี และยิ่งพวกเราทำการบ้านหาข้อมูลเกี่ยวกับดินแดนแห่งนี้มากเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนว่าตั๋วขากลับของพวกเรานั้นตีกลับมาเร็วเกินไปเหมือนกัน ถ้าถามจากใจ พวกเราอยากจะไปอยู่ร่วมเดือนถ้าไม่เกรงใจเงินในกระเป๋า กับสายตาหัวหน้าของพวกเรา และแล้วก็มาถึงเวลาที่พวกเราพร้อมจะบินไปกับทริป “วาก้าวาก้าดินแดนแอฟริกาใต้” #wakawakaxsouthafrica มาค่ะ มา มาตามไปกับเรื่องเล่าของการไปเปิดโลกอีกหนึ่งใบในดินแดนแห่งใหม่ที่ “แอฟริกาใต้” กัน
Period
Mid of May 2019
Itinerary

Money exchange
ประเทศแอฟริกาใต้จะใช้เงินสกุล “แรนด์แอฟริกาใต้” (R) ซึ่งพวกเราแลกกันก่อนไปได้ที่ร้านแลกเงินสีเขียวนะ (มีแค่บางสาขา โทรไปสอบถามและจองไว้ก่อนได้ค่ะ)

Car Rental
ทริปครั้งนี้มากันสองคน เลยเลือกรถคันเล็กๆหน่อย พวกเราเช่ารถกันสองครั้งทำการจองตั้งแต่เมืองไทยไป ครั้งแรกที่เมืองโจฮันเนสเบิร์ก (เรียกกันย่อๆว่า โจเบิร์ก) และอีกครั้งที่เมืองเคปทาว์น ซึ่งทั้งสองที่นั้นพวกเราสามารถรับรถที่ส่วนของ car rental ในสนามบินกันได้เลย

ที่ประเทศแอฟริกาใต้ ขับรถพวงมาลัยขวาเหมือนบ้านเราเลย ส่วนปั๊มน้ำมันก็หาไม่ยาก สามารถพบเจอทั่วไปในเมือง และปั๊มใหญ่ตามหัวเมืองไกลๆ และมีพนักงานช่วยเติมให้ด้วย
การเดินทางในเมืองทั้งโจเบิร์กและเคปทาว์นนั้น บางครั้งพวกเราก็ใช้ Uber ด้วยจากประสบการณ์ที่ถาม host Airbnb ทั้งในเมืองโจเบิร์กและเคปทาว์น พวกเขาก็บอกว่า uber ที่นี่เชื่อถือได้ พวกเราก็เลยวางใจใช้บริการทาง uber ด้วยส่วนหนึ่ง

Internet + Mobile network

พวกเราใช้ AIS SIM 2FLY แบบแพจเกจ 899 สำหรับประเทศแอฟริกาใต้กัน สามารถเล่นเนทได้ตลอด มีบ้างที่อยู่ในอุทยานหรือขึ้นเขาแล้วไม่มีสัญญาณ (แต่เรียกว่าน้อยมาก) ถ้าใครเดินทางกันบ่อยๆซื้อซิมนี้เก็บไว้เลย แล้วเติมเงินแต่ละเดือนให้คงสภาพเอาไว้ ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อซิมใหม่ทุกครั้ง สะดวกมาก ไปเที่ยวไหนก็ไม่ขาดการติดต่อเลย http://www.ais.co.th/roaming/sim2fly/
Budget

Accommodation
ทริปครั้งนี้พวกเราไม่ได้เข้าพักที่โรงแรมเลย เพราะพวกเราเลือกที่พักแค่สองแบบ คือ Air bnb กับแบบ Lodge ใน Kruger National park ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ไม่ทำให้ผิดหวังเลย เพราะมันดีงาม ถูก แพง ปะปนกันไป แต่ถามพวกเราแล้วคือคุ้มค่าม๊าก


พูดถึงที่พัก ขอเสริมเรื่องไฟฟ้าสักนิด ที่นี่ใช้หัวปลั๊กไฟแบบ 3 ขาที่ไม่เหมือนที่ไหนนะคะ แม้ว่าพวกเราจะมีหัวปลั๊กไฟแบบ universal แล้วก็ตาม ก็อาจจะไม่ได้รวมปลั๊ก 3 ขา type D นี้ไว้ ดังนั้นเพื่อนๆลองเช็คหน้าตา universal ของตัวเองกันก่อนด้วยน้า
และอีกนิดเรื่องการใช้น้ำโดยเฉพาะในเมืองเคปทาว์น ที่บ้าน Airbnb ที่ไปอยู่นั่น จะมีกระดาษฝากความในใจให้เลยค่ะว่า ขอความร่วมมือใช้น้ำเท่าที่จำเป็น เพราะเมืองเคปทาว์นเคยประสบปัญหาวิกฤติภัยแล้งและจำนวนคนที่เพิ่มขึ้นมาก ทำให้ขาดแคลนน้ำจืด ดังนั้นพูดได้ว่าน้ำเป็นทรัพยากรมีค่ามากสำหรับคนที่นี่เลย
Day01 : Bangkok – Johannesburg – Kruger National Park
พวกเราออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิในคืนวันศุกร์ เวลา 8.00 PM กับสายการบินสิงค์โปร์แอร์ บินไปเกือบ 2 ชั่วโมง 30 นาที และเปลี่ยนเครื่องกันที่สิงค์โปร์อีก 2 ชั่วโมง ก่อนจะขึ้น(ไปนอนต่อ)บนเครื่องยาวๆกันอีกเกือบ 11 ชั่วโมงก็ถึงที่เมืองโจเบิร์กในเวลา 6 โมงเช้าวันเสาร์พอดิบพอดี

ใช้เวลาผ่านตรวจคนเข้าเมือง รับกระเป๋ากันประมาณอีกชั่วโมงหนึ่ง พอออกจากสนามบินได้ตอน 7 โมงเช้า พวกเราก็มุ่งตรงไปเอารถเช่าแล้วพร้อมออกเดินทางไปที่พักที่ Rhino Post Safari Lodge, Kruger National Park ขับรถยาวๆกันไปอีก 6-7 ชั่วโมง (นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมพวกเรา เอ๊ะหรือเราคนเดียว ต้องนอนยาว ไม่ดูหนัง เล่นเกมส์กันบนเครื่องเลย) นับว่าเป็นวันแห่งการเดินทางจริงๆ


Kruger gate ทางเข้าไปยัง อุทยาน Kruger National Park
ระหว่างที่กำลังขับอย่างระวังไม่ให้เกินความเร็วที่กำหนดในอุทยาน (30-50 กม/ชม) พวกเราก็ได้พบได้เจอ1 ใน BIG5 แบบไม่ได้ตั้งใจทันที

ขอให้ครบ 5 ตัวเถอะจ้า
Rhino Post Safari Lodge, Kruger National Park
ที่ Lodge แห่งนี้ตั้งอยู่ในส่วนของอุทยานแห่งชาติ Kruger National Park และห้องพักมีทั้งหมด 8 ห้องด้วยกันเท่านั้น

Location : Kruger National Park, Skukuza, Nelspruit
Link : http://www.rhinopostsafarilodge.co.za/
ตั้งแต่เดินเข้ามาจะสังเกตได้ว่า Rhino Post Safari Lodge ตั้งตัวแทรกอยู่ท่ามกลางธรรมชาติจริงๆ ไม่มีรั้วล้อมบริเวณที่พักเสียด้วย
ระหว่างรอเชคอิน ก็จะมี welcome drink คล้ายๆน้ำมะตูมบ้านเราให้ทานแก้กระหาย และพนักงานก็จะอธิบายและแนะนำการเข้าพักของที่นี่กัน

ค่าห้องของเราจะรวมค่า Game Drive แล้ว และ Rhino Post นั้นตั้งอยู่ในอุทยานแห่งนี้ เวลาไป Game Drive (นั่งรถส่องสัตว์) ก็จะเข้าได้เร็วกว่าและไวกว่า เป็นจุดเด่นของที่พักที่นี่เลย ซี่ง Game Drive จะมีในช่วงเช้า 5.30AM และเย็น 4.30PM นอกจากนั้นค่าห้องยังรวมอาหารทั้ง 4 มื้อไว้บริการพวกเราด้วย

ส่วนเรื่อง wi-fi สำหรับคนติดโซลเชี่ยวนั้น เราสามารถใช้บริการ free wi-fi ได้ที่บริเวณส่วนกลางกัน สัญญาณไม่ถึงบริเวณห้องพัก

ด้านหน้าของพื้นที่ส่วนกลางเป็นพื้นที่โล่ง และมีบ่อน้ำฝั่งตรงข้ามไว้ให้สัตว์มาดื่มน้ำ

พื้นที่ส่วนกลางที่พวกเรายืนอยู่นั้น จะใช้สำหรับนัดพบแขกทั้ง 8 ห้องไป Game Drive หรือจะมานั่งเล่นนอนเล่นเป็นพื้นที่พักผ่อนก็ได้ มีเคาเตอร์บาร์สำหรับเครื่องดื่ม และห้องเก็บไวน์และขนมว่างที่ต้องปิดประตูล็อคเอาไว้ตลอด เพราะว่าลิงที่นี่ดุและฉลาดมาก พนักงานบอกว่าต้องเก็บอาหารให้มิดชิดไม่งั้นจะโดนรื้อกระจุยหมด มุมเล็กๆไว้อ่านหนังสือ และตอนกลางคืนพื้นที่ส่วนกลางจะจุดแคมป์ไฟให้นั่งผิงไฟรับไออุ่นกันด้วย





ส่วนขวามือของพื้นที่ส่วนกลางจะเป็นห้องอาหารเช้า และด้านหลังของพื้นที่ส่วนกลางเดินไปสักนิดเราจะพบกับสระว่ายน้ำ

เมื่อห้องพร้อมพนักงานก็พาพวกเราไปส่งที่ห้องกัน เราได้ห้องพักเบอร์ 8 ริมสุดขอบทางเดินเลยจ๊า ครั้งนี้ที่เรามาพักมีแขกเพื่อนร่วมก๊วนอีก 3 ห้องที่มาจากหลายหลากประเทศทั้ง คู่คุณลุงคุณป้าจากประเทศอังกฤษที่เพิ่งไปล่องเรือชมน้ำตกค้างคืนที่ Victoria fall มา (น่าประทับใจเป็นที่สุด) คู่เพื่อนซี้ประเทศเนเธอร์แลนด์ที่ 1ใน 2 คนนั้นทำงานที่สถานฑูตเนเธอร์แลนด์ในเมืองพริทอเรีย คู่รักวัยรุ่นจากเยอรมัน ซึ่งทุกคนอัธยาสัยดีและหลงรักในธรรมชาติพร้อมมาลุย Game Drive กันมากๆ

สำหรับห้องพัก ถ้ามองข้างนอกอาจเหมือนกระท่อมผสมเต๊นท์ที่มีระเบียงยืนออกมา แต่พอเปิดประตูเข้าไป พวกเราจะเห็นความสะดวกสบายแบบที่ลืมไปได้เลยว่ามาค้างคืนในป่า เพราะห้องนี้ประกอบจากเต๊นท์และไม้บางส่วนขึ้นรูปเป็นห้องพักขึ้นมา ที่นี่มีเตียงนุ่มๆ พร้อมผ้าห่มฟูๆ แต่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ เพราะว่าตอนกลางคืนนั้นค่อนข้างหนาว โชคดีที่ผ้าห่มฟูๆผืนนั้นเป็นผ้าห่มไฟฟ้า พวกเราเลยหลับสบายตลอดคืน

อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ภายในห้องหรืออยากอาบน้ำแบบฝักบัวชมดาวด้านนอกก็ได้ มีเครื่องทำน้ำอุ่นให้ด้วยสำหรับคนชอบอาบน้ำอุ่น ส่วนห้องน้ำแบบชักโครกพร้อม แถมเปิดประตูออกไปรับลมที่ระเบียงพร้อมหยิบเครื่องดื่มเย็นๆจากตู้เย็นนั่งเล่นด้านนอกก็เย็นใจ




อีกนิดที่นี่จะให้แขกใช้ไฟฟ้าได้ถึงแค่เที่ยงคืน และใช้ได้อีกทีช่วงตีสี่ แต่เรื่องไฟฟ้าไม่เป็นปัญหากับเรานะ เพราะแค่หัวถึงหมอนเราก็หลับเสียแล้ว
หลังจากเก็บข้าวของ อาบน้ำแต่งตัว พวกเราก็พร้อมสุดๆที่จะไป Game Drive ตอน 4.30PM ก่อนไป Game Drive ทางที่พักมีบริการอาหาร high tea ให้รองท้องกันก่อน เพราะ Game Drive จะใช้เวลา 3 ชั่วโมง และกว่าจะกลับมาอีกทีก็ 7.30PM อาจจะหิวตาลายเกินไป ก่อนออกไป Game Drive ทางที่พักจะให้เราอ่านข้อปฏิบัติและเซ็นยอมรับเพื่อความปลอดภัยของตัวพวกเราเองด้วย

หลายคนคงสงสัย พวกเราเอาแต่พูด Game Drive มันคืออะไร พิเศษยังไง ทำไมพวกเราถึงตั้งหน้าตั้งตา ขับรถมาไกลแสนไกลถึง Kruger National Park เพื่อกิจกรรม Game Drive
Game Drive in Kruger National Park

หนึ่งในกิจกรรม “ต้องทำ” ที่นักเดินทางมาเที่ยวประเทศแอฟริกาใต้แล้วพลาดไม่ได้ คือ Game Drive ที่ Kruger National Park แห่งนี้
Game Drive คือการนั่งรถเข้าไปส่องสัตว์ในป่าซาฟารี โดยจุดมุ่งหมายคือ การเห็นเหล่า BIG5 (แรด ช้าง สิงโต เสือดาว ควายป่า) ซึ่งใช่ว่าจะเห็นกันได้ง่ายๆพร้อมกันครบทั้งหมด เพราะอุทยานที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายของพืชพันธุ์และสัตว์ป่าแห่งนี้ สัตว์ป่าทั้งหลายจึงมีอิสระใช้การใช้ชีวิตในโลกของเขาอย่างแท้จริง โดยที่มนุษย์เป็นเพียงผู้สังเกตุการณ์มองผ่านอิริยาบท ชีวิตประจำวันของเขา แทนที่จะมองลอดผ่านกรงขังเหมือนดังในสวนสัตว์ ทำให้พวกเราที่ไปนั่งรถส่องสัตว์ไม่สามารถกะเกณฑ์หรือคาดเดาได้ว่าจะพบ BIG5 ตอนไหน ที่ไหน และอย่างไร

ส่วนเหล่า BIG5 ที่ถือเป็นดาวเด่นของ Game Drive ซึ่งใครๆก็อยากมาแล้วเห็นทั้งหมดให้ครบ แล้วจะเห็นพวกเขาครบกันไหม พวกเราเอารูปบรรยากาศและผองเพื่อนที่ Kruger National Park มาฝากกัน



อิมพาลาตัวผู้จะมีเขาเกลียวใหญ่สวยๆ






อินทรีย์ (Eagle) กลับรัง


นกกระจอกเทศ (Ostrich) ที่ไม่ต้องไปฟาร์มก็มาเจอกันที่นี่ได้
เพื่อนๆรู้ไหม สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากสำหรับการมาส่องสัตว์ คือ “กล้องส่องทางไกล” จ้า เพราะสัตว์บางตัวอยู่ค่อนข้างไกล แอบอยู่ในดงในหญ้า การมีกล้องส่องทางไกลจะช่วยเพิ่มอรรถรสใน Game Drive อย่างมาก (อย่าลืมพกกันไปนะ)


นั่งรถส่องสัตว์มาสักพักทางไกด์เรนเจอร์ของเรา ก็หยุดรถพัก บริการเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวให้เรานั่งพักชมบรรยากาศตอนพระอาทิตย์ตกดินกันในอุทยาน
ก่อนออกมาจากที่พัก พนักงานได้เตรียมเครื่องดื่มให้เราเพื่อมาปิคนิคระหว่างทางกันด้วย ไม่ว่าจะน้ำเปล่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีให้เลือกเลย ส่วนใครอยากเข้าห้องน้ำ ไกด์เรนเจอร์ก็หามุมให้ไปเลือกตามธรรมชาติได้เลย

รถเรนเจอร์ส่องสัตว์คันนี้นอกจากจะลุยป่าได้แล้ว ยังสามารถกลายร่างเป็นโต๊ะปิคนิคกันได้ด้วย

บริเวณแอ่งน้ำจุดพักรถของเราจะเห็น ฮิปโป (Hippo) กันลิบๆด้วยน้า






พักกันพอหอมปากหอมคอแล้ว ก็ไปกันต่อ เส้นทางขากลับไปที่พักทางไกด์เรนเจอร์ใช้อีกเส้นทางหนึ่ง ทำให้เราได้เจอกับอีก 1 ใน BIG5 กัน (ถือเป็นตัวที่สามแล้ว)

สิงโตหนึ่งใน BIG5 ที่ทุกคนเฝ้าตามหา โดยเฉพาะสิงโตตัวผู้ที่จะหายากเป็นพิเศษ… พวกเราเจอสิงโตตัวผู้ตัวเดียวในป่า ซึ่งผิดปกติที่สิงโตสัตว์สังคมต้องอยู่กันเป็นฝูง ไกด์เรนเจอร์อธิบายให้ฟังว่าที่สิงโตตัวผู้นี้อยู่ตัวเดียว อาจเป็นไปได้ที่ถูกสิงโตหนุ่มกว่าขับออกจากกลุ่ม และมีแนวโน้มที่สิงโตตัวผู้นี้จะอดอยากและอยู่ลำบาก เพราะโดยธรรมชาติของสิงโตนั้น จะอยู่เป็นกลุ่มล่ากันเป็นฝูงและมีพวกตัวเมียจะเป็นฝ่ายหาอาหารเป็นหลัก… พวกเราว่าสิงโตตัวนี้ดูน่าเกรงขามและน่าเศร้าในคราวเดียวกัน


ทิ้งท้ายกับภาพบรรยากาศพระอาทิตย์ตกที่อุทยานครุเกอร์กัน
ชีวิตการนั่งรถส่องสัตว์ครั้งแรกของเราในป่าซาฟารีครั้งนี้ บอกได้เลยว่าสนุกมาก ลุ้นมาก (ก็อยากเจอให้ครบทั้ง BIG5 นี่หน่า) สิ่งที่แตกต่างพวกเราว่าเป็นเพราะบรรยากาศที่อยู่ในป่าบ้านเกิดของสัตว์จริงๆ และอิริยาบทที่สัตว์ต่างๆอยู่ มันเรียลจริง รอบเย็นพวกเราเจอ 3 ใน 5 ของ BIG5 และพวกเรายังไม่หมดหวัง เพราะเดี๋ยวรอบเช้าพวกเราก็จะไป GAME DRIVE ตามหา BIG5 และผองเพื่อนตัวอื่นๆเพิ่มกัน ตอนนี้ต้องกลับไปหาอะไรรองท้องกันเสียแล้ว หิวมากเลย
พอกลับเข้าที่พัก ทางพนักงานจะเสิร์ฟอาหารทั้งหมด 3 คอร์สตามที่เราได้เลือกไว้ก่อนไป Game Drive


จานแรก starter เป็นซุปเห็ด



จานขนม dessert เป็น พานาคอตต้า
โดยรวมแล้วอาหารรสชาติอร่อยนะ เหมือนกินในร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเลย พอกินอิ่มแล้ว ถ้าแขกคนไหนอยากนั่งเล่นที่พื้นที่ส่วนกลางก็ได้ ส่วนพวกเราขอตัวกลับไปนอนเก็บแรงไว้สำหรับ Game Drive รอบ 5.30AM และแน่นอนว่า พี่ๆพนักงานต้องเดินไปส่งพวกเราที่ห้องเพื่อความปลอดภัย
Day02 : Kruger National Park
พวกเราตื่นเช้าเพื่อจะไป Game Drive รอบเช้าอีกครั้ง (เอาให้คุ้ม ดูกันให้ตาแฉะไปเลย) เราทานอาหารเช้าที่พนักงานเตรียมไว้ให้รองท้องกันก่อน แล้วก็ออกไปตั้งแต่ตี 5.30AM

เพื่อนนักเดินทางสองสาวจากเนเธอร์แลนด์เล่าให้ฟังก่อนขึ้นรถเรนเจอร์ออกมาว่า เมื่อคืนพวกเขาได้ยินเสียงร้องสัตว์ และมีสัตว์มาตะกุยหน้าห้องด้วย เธอสองคนคิดว่าเป็นไฮยีน่า ซึ่งไกด์เรนเจอร์คาดว่าเป็นไปได้ด้วยเพราะมีไฮยีน่ามาแถวที่พักบ่อยๆ พวกเราฟังก็เสียวๆเพราะห้องของพวกเธอคือเบอร์ 7 ข้างๆห้องเรานั้นเอง หรือไฮยีน่าอาจจะแวะมา แต่พวกเราอาจจะหลับลึกไปไม่ได้ยิน…กันแน่นนนน

บรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า ลมเย็นๆปะทะหน้า หนาวเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือผ้าห่ม 2 ผืน

ความจริงในอุทยานแห่งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถขับรถส่องสัตว์ต่างๆเองได้นะ แต่เราว่าความสนุกของ game drive คือคุณไกด์เรนเจอร์คนนี้ ที่ให้ความรู้เปิดโลกสัตว์ป่ามากๆ แถมยังพาเราไปเห็นอะไรที่น่าประทับใจด้วย


น้องยีราฟตอนเช้าตรู่


แม่ลูกคู่ยีราฟ ที่ไม่กลัวมนุษย์ แถมยังมองกลับมา เหมือนเป็นเรื่องธรรมดาด้วย
ไฮยีนา (hyena) และแก๊งค์ ที่อยู่ถัดมาไม่ไกลกับฝูงยีราฟ มาด้อมๆมองๆรอบๆรถเรนเจอร์พวกเรา เหมือนสนใจใคร่รู้ ไม่ได้ขู่หรือดุร้ายเลยนะ

ไกด์เรนเจอร์ของเราอธิบายต่อว่า พวกไฮยีน่าเหล่านี้เป็นตัวเมียและฝูงที่พวกเราเจอมีแต่ตัวเด็กๆ ความจริงแล้วพวกไฮยีน่าน่ารักและสนใจใคร่รู้ ถ้าพวกมันพิจารณาแล้วว่าเราเป็นมิตร มันจะไม่ได้ทำร้ายเรา ไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนภาพลักษณ์ที่เราเข้าใจกันในการ์ตูนเรื่อง Lion King เลยนะ ไกด์เปรียบว่าไฮยีน่าเหมือนสัตว์ตระกูลน้องหมาน้องแมวเลย ว่าแล้วคุณไกด์ของเราก็ลงไปเซย์ไฮกับพวกไฮยีน่าเลย

ตอนแรกไฮยีน่าก็ตกใจและเดินหนี แต่ก็ยังเดินเข้ากลับมาหา แบบไม่ได้กลัวมนุษย์เลย (หรือมนุษย์เราควรกลัวดี) ไกด์เรนเจอร์เลยหยุดพักรถตรงนี้ให้พวกเรากินกาแฟและได้ลงไปดูไฮยีน่ากันใกล้ๆ แต่ทั้งนี้ด้วยความสมัครใจของพวกเรา และอยู่ใต้การดูแลของไกด์อย่างเคร่งครัดนะคะ





เซย์ไฮกับน้องเด็กไฮยีน่า

โดยปกติแล้วฝูงของไฮยีน่า จะมีตัวเมียเป็นจ่าฝูง เหมือนกับฝูงนี้ที่พวกเราเจอกันค่ะ


หลังจากกินกาแฟและเฝ้าดูไฮยีน่ากับฝูงยีราฟเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็นั่งรถส่องสัตว์กันต่อ แดดเริ่มออกแล้ว อากาศเริ่มอุ่นขึ้นมาบ้าง



ร่องรอยและซากของแรด (Rhino) ที่อุทยานครุเกอร์จะมีแรดโดนล่าเพื่อตัดนออย่างผิดกฎหมายไปขายวันละ 1-2 ตัว ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และทำให้จำนวนแรดในอุทยานลดลงไปเรื่อยๆ


พวกเรานั่งรถส่องสัตว์กันอีกสักพัก ก็กลับเข้าที่พัก เพื่อทานอาหารเช้าสไตล์บุฟเฟต์กัน และรีบเชคเอาท์แล้วรีบบึ่งไปอีกที่พักหนึ่ง เพราะเรามีนัด Game Drive ตอนรอบ 2.30PM ของวันเอาไว้ เดี๋ยวจะไม่ทันเอา
ด้วยข้อจำกัดของ Game drive ที่ต้องออกรอบตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อไปส่องสัตว์ และอีกรอบตอนเย็นจนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน ทำให้นักท่องเที่ยวที่ต้องการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ Game drive อย่างเต็มอิ่มเลือกที่จะค้างคืนใกล้ๆบริเวณเขตป่าซาฟารี

Rhino Post Safari Lodge, Kruger National Park ถือเป็นที่พักที่พวกเราประทับใจที่สุดของที่สุด และเปลี่ยนความคิดว่ามาอยู่ในป่าแล้วจะลำบากไปเลย นอกจากจะทำเลที่ยอดเยี่ยมที่ตั้งอยู่ทิศใต้ของอุทยาน Kruger National Park แล้ว ในด้านของ Lodge แห่งนี้ยังตกแต่งสวยงามและสะดวกสบายไม่แพ้ที่พักในเมือง แถมพนักงานมี service mind ยิ้มแย้มและบริการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องปากท้องอาหาร พูดได้ว่าอร่อย ขนมขบเคี้ยวมีพร้อมไม่บกพร่อง อยู่ในป่าก็ไม่ได้อดอยากปากแห้งเลยนะ

แม้ว่าดูค่าที่พักราคาต่อคืนจะค่อนข้างแพง (22,xxx บาทต่อคืน) แต่เราคำนวณดูแล้วว่า ค่าที่พักที่เราจ่ายไปทั้งหมดนั้นเป็นแบบ Full Package และรวมกิจกรรมทั้งหมดให้แขกแล้ว ไม่ต้องจ่ายเพิ่มกัน อีกสาเหตุหนึ่งที่ช่วยตัดสินใจเลือก Lodge นี้เพราะว่าเป็นที่พักไม่กี่แห่งที่ตั้งอยู่ใน Kruger National Park ได้ใช้ชีวิตติดกับสัตว์ในป่าซาฟารีจริงๆ
Unembeza Boutique Lodge & Spa
Location : 288 Wildlife Estate, Hoedspruit
Link : https://www.unembeza.com/
พวกเราใช้เวลากัน 3 ชั่วโมงก็ถึงที่พักอีกแห่งของเราตอน 2.00PM พอดี ที่ Lodge แห่งนี้ตั้งอยู่ภายในพื้นที่จัดสรร Hoedspruit Wildlife Estate ใกล้กับ Tshukudu Game Drive เป็นพื้นที่ป่าส่วนบุคคล

ระหว่างขับรถอยู่นพื้นที่จัดสรร Hoedspruit Wildlife Estate ก่อนถึงที่พักเราก็เจอ “พุมบ้า” หรือ หมูป่า (Warthog)


แบบใกล้ๆอีกแล้ว เรียกว่าเดินเล่นข้างรถพวกเราเลยดีกว่า
สำหรับคืนที่สองนั้นเราย้ายมานอนที่อื่นบ้าง ด้วยความเชื่อ(พวกเราเอง)ที่ว่าเวลาไป Game Drive พวกเราอาจจะได้เห็นสัตว์ที่แตกต่างกัน เพราะตำแหน่งที่ตั้งของที่พักอยู่คนละที่กัน ที่พวกเราเลือก Lodge นี้เพราะเป็นที่พักนี้เพิ่งเปิดได้ไม่นาน (2016) แถมดูรีวิวใน Tripadvisor ก็ดูดีอยู่ ราคาไม่ได้แพง (4,5xx บาทต่อคืน) เมื่อเปรียบเทียบกับที่อื่น แต่ที่นี่ค่าที่พักจะไม่ใช่ full package เหมือนคืนแรกและไม่รวม activities ต่างๆ ซึ่งที่นี่มีเยอะกว่าที่แรก เช่น Nyani Cultural Village, Hot Air Ballooning, Mountain Bike Rental, Horse-Back Safari หรือ Sundowner Safari (975Rต่อคน หรือ 2,2xx บาทต่อคน) เป็นต้น


ที่พักที่นี่จะให้ความรู้สึกสะดวกสบายและทันสมัยมากกว่าที่แรก พื้นที่ส่วนกลางไว้เป็นทั้ง check-in/check-out area มีห้องครัวแบบเปิด และที่นั่งพักผ่อน ด้านนอกจะเป็นบริเวณทานอาหารกลางแจ้ง




ใครเมื่อยๆก็มีสปาไว้บริการ ต้องจองล่วงหน้ากันก่อนนะ



หลังจากเชคอินและเอาของไปเก็บแล้ว พวกเราก็มารอรถเพื่อไป Game Drive ที่ Tshukudu Game Drive กัน ซึ่งคราวนี้เป็น Private Game Drive ที่มีพวกเราสองคน และไกด์เรนเจอร์ Richard เท่านั้น แค่ฟังก็น่าสนุกแล้ว พวกเราเอารูป Game Drive 4 ชั่วโมงครั้งสุดท้ายมาฝากกัน มาดูสิว่าอีก 2 BIG5 พวกเราจะได้มีโอกาสเจอกันไหมน้า?




พวกเราจอดรถพักและชมบรรยากาศเหมือนเดิม ก่อนจะตีรถกลับไปที่พักกัน




ต้นไม้อะไรไม่รู้ สามารถพบเจอได้ทั่วพื้นที่ที่นี่เลย แหลมเชียว โดนไปน่าจะเจ็บอยู่
ทิ้งท้ายกับภาพบรรยากาศของป่าและพระอาทิตย์ตกดินกับประสบการณ์ส่องสัตว์ที่ดินแดนแอฟริกาแห่งนี้

โดยรวมๆ ถามความคิดเห็นแบบส่วนตัว BIG5 อาจจะไม่ใช่ที่สุดของ Game Drive นะ พวกเราชอบ บรรยากาศและสัตว์ทุกตัวทั้งBIG5และผองเพื่อนมากกว่า พวกเราสนุกกับอารมณ์ของการได้ “เฮ้ยๆๆๆอยู่ด้านซ้าย” “นี่งัยอยู่นี่บนต้นไม้ขวามือ” หรือ “มองอะไรกันนะเจ้ามนุษย์” ธรรมชาติของสัตว์คือสิ่งที่พวกเราประทับใจมาก (และพวกเราก็ได้เจอ BIG5 ตั้ง 3/5 ขาดแรดและเสือดาวไปนั่นเอง) หนังสือท่องเที่ยวของแอฟริกาใต้บอกพวกเราว่าถ้าอยากเห็นเสือมากๆให้ไปแถบ sabi sabi game drive ที่มีสถิติการเห็นเสือบ่อยมาก (FYI เพื่อนๆไว้)

และพวกเราก็ชอบ Game Drive ที่อุทยานครุเกอร์มากกว่า เพราะที่ Tshukudu Game Drive แม้ว่าจะอยู่ใกล้กับอุทยาน แต่ก็ยังเป็นพื้นที่ Game Drive ยังเป็นส่วนบุคคลที่ไม่ใช่ป่าหรืออุทยานแบบธรรมชาติจริงๆ ถ้าเพื่อนๆตั้งใจเลือกจะไปกิจกรรม Game drive สักแห่งในแอฟริกาใต้ พวกเราก็ขอแนะนำประสบการณ์ Game drive หนึ่งในที่ที่ดีที่สุดที่ Kruger National Park กัน
กลับมาจาก Game Drive ก็เกือบ 7.00PM แล้ว พวกเราเลยเลือกทานอาหารเย็นภายในที่พักกันเสียเลย (350Rต่อคน หรือ 7xx บาทต่อคน) อาหารเย็นที่นี่จัดเป็น 4 คอร์สกัน

จานแรก starter ที่เป็น Biltong and Blue Cheese Soup

จานสอง starter ที่เป็น Corn Blini topped with Salmon, Fresh Rocket and Creme Fraiche

จานสาม main course ที่เป็น Cape Malay Chicken curry served with Basmati rice

จานสี่ dessert ที่เป็น Baked Berry and Banana Crumble served with Fresh Cream
อาหารที่นี่อร่อยมาก กินหมดไม่เหลือเลย แถมบรรยากาศและอากาศก็ดี กินไปดูดาวไป โรแมนติคเหมือนกันน้า จบช่วงเวลาของการท่องป่าส่องสัตว์กันแล้ว วันรุ่งขึ้นพวกเราจะไปเที่ยวทางธรรมชาติกันต่ออีกนิดก่อนจะมุ่งหน้าเข้าเมืองโจเบิร์ก เมืองใหญ่ที่สุดของประเทศแอฟริกาใต้กันค่ะ

GoaroundwithYou :
การเดินทางครั้งนี้ยังไม่ได้จบลง มาต่อกันบทความหน้าที่เมืองโจเบิร์กกันนะค้าาาา เจอกันน
Pingback: WAKAWAKAXSOUTHAFRICA EP02
Pingback: WAKAWAKAXSOUTHAFRICA EP03