รูป Half Dome กับชื่อ Yosemite คงคุ้นเคยสำหรับเพื่อนๆบางคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของ Apple ซึ่งนี่แหละเราจะไปที่อุทยานแห่งนี้ ต้นกำเนิดแรงบันดาลใจกันจ๊ะ

Yosemite National Park อุทยานแห่งชาติแห่งสุดท้ายของทริปที่เราจะไปเที่ยวกัน เราขับรถจากเมือง San Francisco ไปยังอุทยานแห่งนี้ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชม. และเราจะพักกันที่นี่ 1 คืนค่ะ
การเดินทางภายในอุทยาน เราใช้รถส่วนตัวกัน แต่ความจริงแล้วถ้าเพื่อนๆไม่ได้ขับรถมา ก็สามารถใช้บริการรถ shuttle bus วิ่งวนให้บริการและแวะตามจุดชมวิวต่างๆด้วยน้า

Yosemite อ่านว่า โยเซเมติ เป็นอุทยานชื่อดังของรัฐแคลิฟอเนีย ที่ได้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติอีกในปี 1984 ที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องความแกร่งหนาและผาชันของภูเขาแกรนิต อีกทั้งยังอุดมไปด้วยน้ำตก และสัตว์ป่า หมีเป็นสัญลักษณ์ของอุทยานแห่งนี้ (แต่เราไม่เจอหมีกันนะคะ)
Link : https://www.nps.gov/yose/planyourvisit/basicinfo.htm
ขาเข้าเราใช้เส้นทาง Route 120 ทางเข้าทางตะวันตก (West Entrance) เราใช้บัตร Annual Pass ที่ซื้อกันตั้งแต่ Grand Canyon เป็นใบผ่านทางกันค่ะ (คุ้มแล้วจะบอกให้)


อากาศช่วงที่ไปดีมากๆ แดดออก แต่ยังมีลมเรื่อยๆ ไม่ได้ร้อนหรือหนาวเกินไป เหมาะกับการ trekking (อีกแล้ว) มากๆคะ
หุบเขา Yosemite Valley ทุกวันนี้เกิดจากการที่ ธารน้ำแข็ง (Glacier) ไหล่ผ่านและปรับสภาพผาภูเขาให้เรียบและสูงชันเป็นเวลาร่วมหลายร้อยปี จนทำให้เกิดหุบเขารูปตัวยูชื่อดังอย่าง Yosemite ในปัจจุบัน

จุดแวะพักจุดแรกในอุทยาน Yosemite คือ Tunnel Point view ที่ๆเราสามารถเห็นทิวทัศน์แบบพาโนรามาของหุบเขา Yosemite แห่งนี้ เป็นจุดแวะพักรถที่ป๊อปปูล่ามากๆคนจะมาถ่ายรูปกันที่checkpointแห่งนี้ค่ะ

จากรูปพาโนรามาจุด Tunnel Point view แห่งนี้ เริ่มจากด้ายซ้าย El Capitan, Half Dome, Sentinel Rock, Sentinel Dome และน้ำตก Bridalveil (มองไม่เห็นเลยยยยย)

เมื่อถ่ายรูปพอสมควร เราก็เคลื่อนตัวกันไปที่ Glacier Point อีกหนึ่งจุดชมวิวมุมสูงของอุทยาน ซึ่งเราจอดรถไว้ที่จุดพักรถ แล้วเดินเท้าเข้าไปดูวิวของ Half Dome น้ำตก Vernal และ Nevada หลัง Half Dome แบบใกล้ๆนี้กัน


วันหนึ่งชั้นเดินเข้าไป (เอาจริงหลายวันเลย ที่ชั้นเดินเข้าป่า แฮร่)



เราจะแวะทานข้าวกันที่ Yosemite Visitor Center คะ เอาจริงๆช่วงที่ไปหาของกินค่อนข้างยาก เพื่อนๆเตรียมเสบียงไว้ก็ดีเหมือนกันนะคะ

ระหว่างทางใน Yosemite visitor center ร่มรื่นแทบทุกอณูเลยจริงๆ

เนื่องจากเราจองที่พักใน Yosemite Valley ไม่ทัน เราเลยเลือกบ้านพักในอุทยานที่เป็น airbnb คืนนี้ค่ะ

บ้านสไตล์กระท่อมในป่า มีทั้งหมด3 ห้องนอนสองชั้น ห้องครัวและอุปกรณ์พร้อม คืนนี้เราเลยทำอาหารทานกันเอง ไม่ได้ออกไปข้างนอก (ซุปเปอร์ที่ใกล้ที่สุดก็ต้องขับไปครึ่งชม และปิดเร็วมาก เพื่อนๆควรจะเตรียมไปก่อนเข้าอุทยานก็ดีนะคะ อย่าประมาทเหมือนเราเลยยยย) ก็สนุกดีเหมือนกันนะคะ

ภายในบ้านพัก เราเห็นหนังสือภาพถ่ายของช่างภาพ Ansel Adams เต็มไปหมดเลยค่ะ เค้าถ่ายรูปสวยจริงๆ
เช้าวันต่อมา เราเลือกเส้นทางขากลับทางใต้ (South Entrance) ซึ่งเป็นคนละทางกับขาเข้า เพราะเรามีอีกหนึ่งจุดแวะที่ต้องไปดูกันค่ะ
Mariposa Grove of Giant Sequoias หรือป่าของต้นสน (Sequoias) ขนาดใหญ่และอายุเยอะขนาด 2,400 ปี
จากจุดจอดรถเราต้องเดินเท้าเข้าไปอีก เพื่อให้เห็นต้นไม้ไฮไลท์อย่าง California Tunnel Tree และ Grizzly Giant ตอนแรกเราก็ประทับใจกับความใหญ่โตของต้นสนด้านหน้าแล้ว แต่จุดพีคคือต้องเดินเท้ากันเข้าไปหน่อยตามเส้นทาง California Tunnel Tree และ Grizzly Giant ค่ะ

รากของต้นสน Sequoias ที่ล้มลงใหญ่ม๊ากกกเลย





ป่าสนที่มีความธรรมชาติมาก ขนาดที่มีกวางหลายๆตัวมาเดินเล่นพร้อมพวกเราเลย

ต้น California Tunnel Tree ไฮไลท์ของ Mariposa นี้เลยค่ะ เป็นต้นไม้ที่มีรูทะลุอยู่ต้นกลาง ให้คนเดินลอดผ่านไปมาได้


GoaroundwithYo :
สิ่งหนึ่งที่เราไม่ได้ไปดูในอุทยาน Yosemite ครั้งนี้ คือบรรดาน้ำตกที่มีเกือบ 10 แห่งในอุทยาน และทะเลสาบขึ้นชื่ออย่าง Mirror Lake เหตุเพราะช่วงที่เราไปเป็นฤดูใบไม้ร่วงแล้วน้ำแห้งมาก ถ้าเพื่อนๆได้มาในฤดูอื่นๆ อย่าลืมเที่ยวน้ำตกของอุทยานกันนะคะ โดยเฉพาะน้ำตก Yosemite fall น้ำตกชื่อดังของที่นี่
อีกนิด ถ้าหากเพื่อนๆจะไปในช่วง high season อย่าง June-August ใน Summer เพื่อนๆอาจจะต้องเตรียมตัวจองที่พักใน Yosemite Valley แต่เนิ่นๆเพราะมันจะเต็มเร็วมาก อีกทั้งต้องเตรียมใจเจอมหาชนในอุทยานนี้ได้เลย เพราะคนทั้งในและต่างประเทศจะแห่แหนมาเที่ยวที่นี่กัน (ถึงขนาดรถติดในป่า ได้นะทุกคนนนน)
0 comments on “West Coast Road Trip x Yosemite”